กัญชา vs กัญชง ประวัติความเป็นมาและความต่างในความเหมือน
นาทีนี้คงไม่มีพืชชนิดไหนฮอตฮิตเท่า “กัญชา” อีกแล้ว หลายคนสงสัยว่า กัญชามีดีอย่างไร ทั้งที่ในบ้านเราจัดให้กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ซึ่งครอบคลุมทุกส่วนของพืชไม่ว่าจะเป็นใบ ดอก ยอด ผล ยาง ลำต้น รวมถึงสารที่มีอยู่ในพืชด้วย
ขณะที่บางประเทศได้ทำการศึกษาวิจัยและใช้สารสำคัญในกัญชาเพื่อรักษาโรคร้าย จึงทำให้หลายฝ่ายต้องการผลักดันให้แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเปิดทางให้เกิดการวิจัยค้นคว้ากัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้อย่างเต็มรูปแบบ
ปีนี้มีโอกาสไปชมงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติฯ ครั้งที่ 16 เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับกัญชามาแบ่งปัน โดยเฉพาะข้อมูลจากกองพัฒนายาแผนไทยและสมุนไพร กระทรวงสาธารณสุข ในหัวข้อ กัญชาคือสิ่งเสพติดอันตรายหรือยารักษาโรคร้ายกันแน่?
กัญชาเป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายพันปี บ้างก็มองว่าเป็นสารเสพติดที่ก่อให้เกิดอาการมึนเมา บ้างก็เป็นของเล่นสนุกของเหล่าหนุ่มสาวและศิลปินที่ทำให้ผ่อนคลายเกิดแรงบันดาลใจ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นสมุนไพรชั้นเยี่ยมที่ช่วยรักษาให้ใครหลายคนรอดพ้นจากอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง
มีบันทึกว่า การใช้กัญชาครั้งแรกของโลกมีขึ้นเมื่อราว 4,700 ปีที่แล้ว โดยจักรพรรดิเสินหนงแห่งประเทศจีน ได้ใช้พืชชนิดนี้เป็นสมุนไพรรักษาโรคข้อต่ออักเสบ มาลาเรีย และโรคไข้รูมาติก ต่อมาเมื่อราว 2,500 ปีที่แล้ว เริ่มถูกสั่งห้ามในจีน เนื่องจากได้รับการสันนิษฐานว่าทำให้เด็ก ๆ และวัยรุ่นไม่เคารพผู้ใหญ่ ทำให้สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ส่วนในประเทศไทย เราใช้กัญชาในการรักษาโรคมาตั้งแต่สมัยอยุธยาในยุคสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยใช้เป็นส่วนผสมสำคัญในตำรับแพทย์แผนไทยถึง 98 ตำรับ ส่วนใหญ่ใช้รักษาอาการนอนไม่หลับ อาการปวด ตกเลือด ช่วยให้เจริญอาหาร แก้ลงแดง ขับลม และบำรุงกำลัง
ในปี ค.ศ.1961 กัญชากลายเป็นของต้องห้าม ไม่ใช่สมุนไพรหรือของเล่นสนุกของหนุ่มสาวอีกต่อไป เพราะหลังจากที่สหประชาชาติประกาศลงนามในสนธิสัญญาร่วมเพื่อปราบยาเสพติดให้หมดไปจากโลกนี้ ผู้นำประเทศต่าง ๆ รวมถึงประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ของสหรัฐอเมริกา จึงประกาศสงครามยาเสพติด โดยเปลี่ยนกัญชาขึ้นเป็นสารเสพติดประเภท 1 ซึ่งมีความรุนแรงเทียบเท่ากับเฮโรอีน พร้อมกับเชิญชวนให้ทั่วโลกร่วมทำสงครามยาเสพติดเช่นกัน
ส่วนการปราบปรามกัญชาในประเทศไทย เริ่มในสมัยของพระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ของประเทศ โดยขณะนั้นได้มีพระราชบัญญัติกัญชา พ.ศ.2477 ซึ่งห้ามให้ผู้ใดปลูก นำเข้า ซื้อขาย หรือเสพกัญชาเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะได้รับโทษทั้งจำและปรับอย่างรุนแรง จนกระทั่ง ปี พ.ศ.2522 รัฐบาลไทยออก พ.ร.บ. ยาเสพติดที่ใช้กันมาถึงปัจจุบัน โดยจัดกัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5
หลังจากกำหนดให้กัญชากลายเป็นยาเสพติดชนิดรุนแรง ทำให้เกิดการวิจารณ์จากแพทย์และนักวิชาการทั่วโลก เพราะแม้ว่ากัญชาจะมีฤทธิ์ให้มึนเมาและเสี่ยงต่อการเสพติด แต่มีประโยชน์มากในเชิงการรักษาโรค ในปี ค.ศ.1972 รัฐบาลเนเธอร์แลนด์จึงตัดสินใจจัดประเภทยาเสพติดใหม่ โดยเลือกให้กัญชาเป็นยาเสพติดชนิดไม่ร้ายแรง และสามารถใช้ในเชิงการผ่อนคลายได้ใน “ร้านกาแฟ”
การรักษาโรคโดยใช้กัญชาได้รับความสนใจมากขึ้นในโลกตะวันตก เนื่องจากทีมแพทย์จากอเมริกาสามารถนำกัญชามารักษาผู้ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งและโรคเอดส์ ในปี ค.ศ.1996 จึงประกาศให้แคลิฟอร์เนียเป็นรัฐแรกของสหรัฐอเมริกาที่สามารถใช้กัญชาในเชิงการแพทย์ได้อย่างถูกกฎหมาย ปัจจุบันกว่า 20 ประเทศ เปลี่ยนให้กัญชากลายเป็นพืชถูกกฎหมาย แต่ก็ยังมีข้อบังคับที่แตกต่างกันออกไป
ข้อมูลดีดีจาก https://www.baanlaesuan.com/145563/plant-scoop/marijuana
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น